เปิดใจประธานโรงเรียนเครือสารสาสน์

ข่าว

ยังคงเป็นประเด็นที่หลายคนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เมื่อ นายพิบูลย์ ยงค์กมล ประธานอำนวยการโรงเรียนในเครือสารสาสน์ ผ่านรายการเจาะลึกประเด็นร้อน วิทยุ MCOT FM 100.5 ระบุ ที่ผ่านมา

เปิดใจประธานโรงเรียนเครือสารสาสน์

ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อหลายแห่ง ซึ่งบางครั้งถูกใส่สีใส่ไข่ มองเพียงด้านเดียวไม่ได้มองหลายด้าน ทำให้เกิดความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง โรงเรียนในเครือต้องได้รับความเสียหายไปทั้งหมด

ทั้งที่เสียหายมาจากครูกลุ่มเดียวที่กระทำผิด ดูแล้วไม่เป็นธรรมกับโรงเรียนส่วนใหญ่ทั้งนี้ขอชี้แจงในเรื่องที่ตนเองให้สัมภาษณ์ผ่านรายการตอนหนึ่งว่า….

เปิดใจประธานโรงเรียนเครือสารสาสน์

ตนก็ไม่มีใบประกอบวิชาชีพครู ยอมรับว่าไม่มีใบอนุญาตจริง แต่เนื่องจากในสมัยที่ตนเองเป็นครูนั้น ยังไม่มีข้อกำหนดที่บุคคลากรครูจะต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู

ซึ่งคนรุ่นเก่าจะรู้ดีกันอยู่แล้ว แต่ถูกนำมาใช้เป็นข้อท้วงติงกล่าวหาว่าเป็นตัวอย่างให้ครูคนอื่นในโรงเรียนทำได้ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วโรงเรียนมีครูไม่กี่คนที่ไม่มีใบประกอบวิชาชีพครู

สำหรับกรณีที่มีการตรวจสอบครู 400 คน พบใบอนุญาตเพียง 90 กว่าคน ขอยืนยันว่าครูเกือบทั้งหมดมีใบอนุญาตถูกต้อง แต่ในวันที่ตรวจสอบนั้นอาจไม่ได้นำใบอนุญาตมาแสดงด้วย

เปิดใจประธานโรงเรียนเครือสารสาสน์

ขณะที่ครูอีกส่วนหนึ่งซึ่งมีจำนวนน้อยอยู่ระหว่างขอผ่อนผันดำเนินการเรียนเผื่อสอบใบอนุญาตให้ถูกต้องตามระเบียบที่กระทรวงฯกำหนดไว้ ทั้งนี้หากครูไม่มีใบอนุญาตถูกต้องโรงเรียนไม่สามารถขอรับเงินอุดหนุนได้แน่นอน

ที่ผ่านมาโรงเรียนถูกตีความผิดไปจากความเป็นจริงอย่างมาก ขอให้มองให้รอบด้านอย่ามองเพียงจุดเดียว ซึ่งหากมีกฎระเบียบใหม่ให้นำใบอนุญาตของแต่ละบุคคลมาแสดงไว้ที่โรงเรียนก็พร้อมจะปฏิบัติการ

นายพิบูลย์ กล่าวว่า ในส่วนโครงสร้างการบริหารจัดการโรงเรียน ปัจจุบันได้แบ่งหน้าที่ในการดูแลโรงเรียนให้ลูก และผู้เชี่ยวชาญดูแล มีโครงสร้างบริหารแบ่งเป็น 3 ส่วน มีหัวหน้า 3 ส่วน มีผู้ช่วยและเจ้าหน้าที่ตรวจสอบอีก 12 คน แต่ทำไมถึงมีความบกพร่องในการตรวจสอบความเรียบร้อยของโรงเรียนต้องติดตามตรวจสอบแก้ไขข้อบกพร่อง

ส่วนตนเองดูแลในส่วนของภาพรวมด้านการขยายกิจการ ไม่ได้ลงลึกในวิชาการหรือการเรียน ยอมรับไม่ได้ลงลึกทุกโรงเรียน โดยขณะนี้มีกว่า 50 สาขา แบ่งคนในการดูแล

เปิดใจประธานโรงเรียนเครือสารสาสน์

โดยมีเครือข่ายทั่วประเทศ ใช้กระบวนการบริหารโรงเรียนแต่ละแห่งทั่วประเทศ นำรูปแบบคล้ายภาครัฐมาปรับใช้ในการบริหารกับเครือสารสาสน์ โดยเน้นยำกับทุกโรงเรียนเสมอให้โรงเรียนดูดีๆ ห้ามทำกับเด็กเด็ดขาด

ทั้งนี้ในเรื่องราคาค่าเล่าเรียนในความเป็นจริงแล้วโรงเรียนได้แบ่งโปรแกรมการเรียนเป็นหลายระดับ ไม่ได้มีเฉพาะการเรียนแบบ 2 ภาษาเท่านั้น

ซึ่งมีโปแกรมที่มีราคาถูกสามารถเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการเรียนการสอนของครอบครัวทุกระดับได้ เป็นโปรแกรมการเรียนที่ได้ความรู้พอกับสองภาษา เรียกว่าโปรแกรมอาเซียน ใช้บุคคลากรจากผู้เชี่ยวชายในประเทศอาเซียนมาสอน เช่น

ฟิลิปปินส์ ทำให้ค่าเล่าเรียนมีราคาถูก เพียงหลักหมื่นบาท ไม่ได้เป็นแสนอย่างที่เข้าใจกัน แต่ได้ความรู้ใกล้เคียงกับโปรแกรมการเรียน 2 ภาษา

ส่วนค่าเทอมเป็นแสนไม่จริงเป็นการใส่ไข่ เป็นกลุ่มที่เรียนในโปรแกรม 2 ภาษา เพราะจ้างบุคคลากรมาแพง ทั้งนี้เป็นความตั้งใจต้องการช่วยเหลือคนที่ด้อยโอกาส คนจน ให้มีโอกาสเข้าถึงระบบการเรียนที่มีคุณภาพ

เปิดใจประธานโรงเรียนเครือสารสาสน์

นายพิบูลย์ ยืนยันว่าโรงเรียนไม่ได้มองเพียงกำไรอย่างเดียว ที่ผ่านมาได้มีการก่อตั้งโรงเรียนเพื่อเด็กยากจนในหลายพื้นที่ ให้ที่เรียนที่กินโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เช่น ที่แม่วาง จ.เชียงใหม่ มีเด็กนักเรียน 300 คน ขาดทุนปีละ 2ล้านบาท ที่ บางตาล จ.ราชบุรี ช่วยเด็ก 1,500 คน ขาดทุนปีละกว่า 2 ล้านบาท

บางคนได้ทุนเรียนฟรีอยู่ฟรี และยังสนับสนุนให้เด้กมีความสามารถที่หลากหลายฝึกเด็กให้มีความสามารถด้านเล่นดนตรี ป.1-ป.6 เล่นคีย์บอร์ดเป็น ม.1-ม.3 เล่นกีต้าร์ หรือไวโอลินเป็น

ขณะที่สาขาทั่วไปกำไรขาดทุนอยู่ที่จำนวนของเด็กที่เข้าเรียนจะมีกำไรพอเลี้ยงตัวได้ก็ต่อเมื่อมีเด็กเข้ามาเรียนจำนวนมาก พร้อมย้ำคุณภาพสำคัญมากถ้าโรงเรียนไม่มีคุณภาพก็จะไม่มีเด็กมาเรียน สำหรับผู้บริหารสาขาที่มีปัญหาจะมีมาตรการลงโทษต่อจากนี้

ซึ่งมีบางคนที่ให้ออกไปแล้ว ส่วนการเสนอให้ปิดโรงเรียนชั่วคราวไม่เห็นด้วย ใครจะพื้นที่รองรับให้เด็กอีกกว่า 3,800 คน จะไปอยู่ที่ไหน ควรต้องพูดคุยกันให้ชัดเจน ซึ่งโรงเรียนพร้อมปรับปรุงให้เหมาะสม

เปิดใจประธานโรงเรียนเครือสารสาสน์

ที่มา: Mcot