เมื่อวันที่ 9 ต.ค. ได้รับการร้องเรียนขอความเป็นธรรมจาก น.ส.กชรัตน์ ชนมพรรษ์ อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 77/425 หมู่ 5 ต.บางคูรัด อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่สรรพากร เขตดุสิต กทม. ว่า…
ได้ไปดาวน์รถเก๋งป้ายแดง ยี่ห้อหนึ่ง ในราคา 847,000 บาท ที่ศูนย์แห่งหนึ่งย่านเกษตรนวมินทร์ โดยวางเงินดาวน์ไป 132,000 บาท ออกรถในวันที่ 3 เม.ย.60
แต่ต้องเจอปัญหาสารพัดจากรถคันนี้ เพราะทุกครั้งที่ขับไปทำงาน รถจะมีอาการเร่งไม่ขึ้น บางคร้้งกระตุกอย่างแรงจนพุ่งไปข้างหน้า
น.ส.กชรัตน์ กล่าวว่า ตนเกรงจะไม่ปลอดภัยเวลาขับ เพราะมีลูกสาวนั่งไปโรงเรียนทุกวัน ทั้งๆ ที่เป็นรถใหม่ป้ายแดง แต่ทำไมจึงเป็นแบบนี้ จึงนำรถไปเข้าศูนย์ที่ตนออกรถ
โดยทางศูนย์บอกว่า คลัชก้ามปูเสีย ต้องเปลี่ยนกล่องซีทีเอ็มใหม่ พอขับได้อีกไม่กี่เดือนก็มีอาการเดิม เป็นแบบนี้จนต้องเปลี่ยนกล่องซีทีเอ็ม มาถึง 5 ครั้ง 5 กล่องแล้ว ตนลำบากมากต้องเทียวไปเทียวมาเอารถเข้าศูนย์ตลอด
น.ส.กชรัตน์ กล่าวต่อว่า เมื่อสอบถามจากเจ้าหน้าที่ศูนย์คนหนึ่งที่รับรถก็บอกกับตนว่า รถคันนี้เป็นรถปี 2014 ไม่ใช่ปี 2018 ที่ตนซื้อในปีนั้น ตนเองรู้สึกตกใจและเสียความรู้สึกมาก จึงขอคุยกับผู้จัดการแผนกขาย เพื่อขอเปลี่ยนรถคันใหม่ เขาก็รับปากจะเสนอผู้ใหญ่ให้
ตนเห็นว่าโดนหลอกเอาเปรียบจึงไปร้อง สคบ.แต่เรื่องก็เงียบ เลยขอความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือให้ช่วยเหลือประสานไปทาง สคบ. อีกครั้ง จนกระทั่งมีการนัดเจรจาพูดคุยกัน
ตนยังยืนยันอยากให้เปลี่ยนรถคันใหม่ แต่ทางผู้จัดการฝ่ายขายบอกว่าจะช่วยเหลือได้ด้วยการรับซื้อรถคืนเท่านั้น ในราคา 520,660 บาท ส่วนเงินที่ดาวน์ จะคืนให้ 100,000 บาท
แต่มีเงื่อนไขต้องออกรถที่ศูนย์แห่งนี้เท่านั้น และเงินดาวน์จะใช้เป็นเงินที่หักจากการออกรถใหม่ ซึ่งตนต้องขาดทุนถึงสามแสนกว่าบาท อีกทั้งรถยังติดไฟแนนซ์ ไม่สามารถออกรถใหม่ได้
ทางตัวแทนก็บอกให้หาเงินไปปิดบัญชีคันเก่าก่อน ตนรู้สึกโดนเอารัดเอาเปรียบ ไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงมาร้องขอความเป็นธรรมจากสื่อช่วยประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือตนด้วย
ด้าน น้องจอย ลูกสาวของ น.ส.แม่กชรรัตน์ เปิดเผยว่า รู้สึกสงสารแม่ สู้อุตส่าห์เก็บหอมรอมริบเพื่อให้ได้เงินก้อนหนึ่งมาซื้อรถใหม่ หวังจะได้รถดี มีความปลอดภัย ไม่คิดว่าจะเป็นรถมีปัญหา ทุกวันนี้นั่งรถทีไรก็รู้สึกไม่ปลอดภัย เพราะรถมีอาการกระตุกพุ่งไปข้างหน้า ถ้าเป็นไปได้อยากให้ช่วยเปลี่ยนรถให้คุณแม่หนูด้วย
ที่มา: Dailynews