กลายเป็นเรื่องที่ถูกวิพากษวิจารณ์เป็นจำนวนมากบนโลกออนไลน์ เมื่อ นายสัตวแพทย์ธนู ลิมปพัฒนวณิชย์ หรือ “หมอบอย” โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า “ถ้ามีสัตว์ป่วยฉุกเฉินในเวลาที่ใกล้จะเคอร์ฟิวแล้ว สมมุติว่าคุณเป็นหมอ คุณจะกล้าปฏิเสธการรักษาได้ลงคอมั้ย…ผมเลยต้องนอนคุก”
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : สัตวแพทย์สุดท้อ ถูกจับเคอร์ฟิว หลังได้รับเคสฉุกเฉินไปช่วยชีวิตสัตว์
นอกจากนี้ยังมีการระบุข้อความอีกว่า “เพิ่งทราบจริงๆว่าสัตวแพทย์ไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์”
และอีกข้อความคือ “ติดคุกครั้งแรกในชีวิต น่าทุเรศตัวเองสิ้นดี”
ทั้งนี้ มีการประกาศเคอร์ฟิว ห้ามออกนอกเคหสถานตั้งแต่เวลา 22.00-04.00 น. นอกจากอาชีพที่ได้รับการยกเว้น เช่น บุคลากรทางการแพทย์ หากฝ่าฝืนต้องมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปีหรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
อย่างไรก็ตามภายหลังจากเรื่องดังกล่าวถูกแชร์ออกไปเป็นจำนวนมาก นายสัตวแพทย์ธนู ลิมปพัฒนวณิชย์ ได้ลบโพสต์ดังกล่าวทิ้งแล้ว พร้อมโพสต์ข้อความขอโทษขอโพยระบุว่า…
“ผมต้องกราบขอโทษเจ้าหน้าที่ชุดฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจ และทุกๆฝ่าย ที่เค้าปฏิบัติหน้าที่กันอย่างหนัก จึงเกิดเรื่องกระแสดราม่าในโลกโซเชียล เกิดกระแสสังคม จากการระบายความรู้สึกผ่านพื้นที่ส่วนตัวทั้งหมดสามโพสต์และทำการลบโพสต์ไปแล้วหลังโพสต์ได้ไม่นานรวมทั้งเมื่อการให้สัมภาษณ์ในข่าวอัมรินทร์แบบลืมตั้งสติคิดให้ดี อันเนื่องมาจากความเครียด ความง่วง ความกดดัน ความหิว ความผิดหวัง จากเหตุการณ์เมื่อคืนนั้น จึงส่งผลกระทบวงกว้างในแง่ลบต่อเจ้าหน้าที่ทุกส่วนทุกฝ่ายที่พวกเค้าปฏิบัติหน้าที่กันอย่างหนัก
ผมจึงอยากกราบขอโทษและขอร้องให้หยุดแชร์หยุดด่ากันในเพจต่างๆด้วยนะครับเพราะผมเองก็มีส่วนผิดในฐานการละเลยคำสั่งเคอร์ฟิวเป็นหนที่สองติดต่อกันสองวันซ้อน และไม่ได้ทำเอกสารแจงกับเจ้าหน้าที่ที่บอกให้ทำอย่างถูกต้องตามระเบียบตามกฏหมาย ซึ่งผมเองก็รับโทษในห้องขังเป็นเวลา3 ช.ม.รวมทั้งต้องขึ้นศาลเพื่อสารภาพความผิดทุกข้อกล่าวหาและเสียค่าปรับแล้วในวันนี้
สุดท้ายนี้ผมจึงได้ตระหนักถึงเหตุผลของทางหน่วยงาน ว่าเค้าทำเพื่อสุขภาพของพวกเราส่วนรวม ปลูกจิตสำนึก ให้ลดการแพร่ระบาดของโรคโควิท-19มีแนวโม้มที่ดีขึ้น ซึ่งเหตุการณ์นี้ทำให้เป็นcase studyที่น่าคิดในมุมของสัตวแพทย์ว่า เราเองก็เป็นบุคลากรทางการแพทย์ มีศักดิ์ศรีในวิชาชีพเช่นเดียวกับทุกๆอาชีพและจะหาทางออกร่วมกันเพื่อสวัสดิภาพของสัตว์ในสภาวะฉุกเฉินเช่นนี้ต่อไป … พวกเราจะต้องสู้ไปด้วยกันแล้วผ่านมันไปได้ให้ได้…ขอบคุณครับ”
โพสต์ดังกล่าว
ที่มา: ธนู ลิมปพัฒนวณิชย์