ทางด้าน นายดำรง ใคร่ครวญ เอกอัครราชทูต ณ เวียงจันทน์ สปป.ลาว เปิดเผยในระหว่างการเสวนาออนไลน์ “ผลกระทบทางธุรกิจที่นักธุรกิจไทยใน สปป.ลาว ควรรู้ในสถานการณ์โควิด-19”
ซึ่งจัดขึ้นที่สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ นครหลวงเวียงจันทน์ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ต้องชื่นชมรัฐบาล สปป.ลาว ที่ได้ดำเนินมาตรการต่างๆ อย่างเข้มข้นและจริงจัง ในการรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)
โดยพบผู้ติดเชื้อรายแรกเมื่อวันที่ 23 มีนาคม แต่ในเรื่องของการเตรียมพร้อมนั้นเริ่มมาตั้งแต่เดือนมกราคม ที่มีการตั้งคณะทำงานชุดหนึ่งขึ้นมา
โดยมีรองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีการปิดด่านที่สามเหลี่ยมทองคำตั้งแต่ช่วงต้นเดือนนั้นเลย พอปลายเดือนมกราคมก็ปิดด่านกับจีน ระงับเที่ยวบินกับจีน ระงับการออกวีซ่าให้นักท่องเที่ยวจีน
จากนั้นพอเริ่มมีข่าวในเกาหลีใต้ รัฐบาล สปป.ลาว ก็ดำเนินการตามแนวทางเดียวกันอย่างรวดเร็ว จนมาปิดชายแดนทุกด้านหลังแต่ปลายเดือนมีนาคม
ซึ่งช่วงหนึ่งลาวไม่มีเที่ยวบินเข้าออกเลย เที่ยวบินสุดท้าย คือ เมื่อวันที่ 26 มีนาคม เป็นเที่ยวบินของสายการบินไทย ก่อนจะมาเปิดเที่ยวบินพิเศษช่วงสั้นๆ เพื่อระบายคนตกค้างออก จากนั้นรัฐบาลก็ใช้มาตรการล็อกดาวน์ขอความร่วมมือให้ประชาชนอยู่บ้าน ทำงานที่บ้าน ปิดโรงเรียน ปิดสถานที่ราชการ
“ที่จริงเศรษฐกิจลาวกับไทยผูกโยงกันมาก แต่เขาก็ทำถึงขั้นว่า จุดผ่านแดนทุกจุด ทั้งด่านประเพณี ด่านท้องถิ่น ด่านสากล ปิดสนิท เหลือเพียงรถบรรทุกข้ามไปมา คนข้ามไม่ได้ ถ้าข้ามคือเจ็บป่วยถึงขั้นความเป็นความตาE หรือคนลาวที่ทำงานในประเทศไทยแล้วกลับบ้าน เรียกว่าทำอย่างเต็มที่”
อย่างไรก็ตาม เอกอัครราชทูตไทย กล่าวว่า ไม่มีรายงานพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ใน สปป.ลาว มากว่า 1 เดือนแล้ว โดยวันที่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มวันสุดท้ายคือ วันที่ 14 เมษายน ที่ผ่านมา ทำให้ขณะนี้รัฐบาล สปป.ลาว เริ่มจะผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ลง
แม้ว่าจะยังไม่เข้าสู่ภาวะปกติ แต่ขณะนี้จะเห็นได้ว่าเริ่มมีรถวิ่งบนท้องถนนหนาแน่นขึ้น ผู้คนออกมาสัญจรในเมืองเพิ่มขึ้น โดยในวันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคมนี้ สถานศึกษา โรงเรียนส่วนใหญ่ใน สปป.ลาว ก็จะเปิดเรียนได้แล้วด้วย
ที่มา: Thairath