เมื่อวันที่ 29 พ.ค. ที่ผ่านมา นายพรภิรมย์ พินทะปะกัง หรือ ไมค์ ภิรมย์พร วัย 54 ปี นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง ชาว จ.อุดรธานี ทำพิธีบวงสรวงรูปปั้นพญานาค เจ้าปู่ขุนแก้ว ศรีสุทโธนาคราช และ แม่ย่านาคีปทุมมาเทวี
ที่ศูนย์กรียนรู้เศรษฐารเกิจพอเพียง ตามรอยพ่อ เลขที่ 134 ม.8 บ้านดอนแตง ต.นาข่า อ.เมืองอุดรธานี ซึ่งเป็นของ ไมค์ ภิรมย์พร เมื่อเวลา 09.09 น.วันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา
ในพิธีบวงสรวงพบ เลขเด็ดบนขี้ธูปมงคลที่ปักอยู่ในพานบายศรี พบเป็นเลข 73 อย่างชัดเจน และหลังดำเนินการปั้นพญานาคแล้วเสร็จ ในช่วงเย็นวันที่ 17 เม.ย. 2563 นายศุภเศรษฐ์ ศิริ หรือป๋าน้ำหวาน อายุ 55 ปี ที่ปรึกษาศูนย์การเรียนรู้ฯ อดีตผู้ใหญ่บ้าน บ้านนาข่า ต.นาข่า
และเป็นช่างปั้นรูปพญานาค ได้ถ่ายภาพติดลำแสงอัศจรรย์ข้างองค์เจ้าปู่ขุนแก้วฯ จึงนำไปให้นักร้องลูกทุ่ง ถึงกับตะลึง และเชื่อว่าองค์เจ้าปู่ขุนแก้วฯ หรือ เจ้าปู่ศรีสุทโธนาคราช แสดงปาฏิหาริย์ให้รับรู้ว่าท่านจะมาอยู่สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับศูนย์การเรียนรู้ฯแห่งนี้
ไมค์ ภิรมย์พร เปิดเผยว่า ตนเป็นคนนับถือองค์เจ้าปู่ศรีสุทโธนาคราช และแม่ย่านาคีศรีประทุมมาเทวี เพราะเป็นชาว อ.บ้านดุง จ.อุดรโดยกำเนิด และเกิดมาก็รับรู้เรื่องราวของพญานาค ตามคำบอกเล่ามานมนาน ที่ใช้ชื่อ เจ้าปู่ขุนแก้ว ศรีสุทโธนาคราช เพราะพ่อพราหมณ์ แห่งเกาะคำชะโนด
และคนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้านบอกว่า ให้ใช้ชื่อเจ้าภูมิเจ้าที่แห่งนี้ของศูนย์การเรียนรู้แห่งนี้ เพราะเจ้าปู่ศรีสุทโธนาคราช เป็นเจ้าแห่งพญานาคทั้งปวงในเมืองบาดาล จะใช้ชื่ออะไรไม่สำคัญเท่ากับจิตใจของเราเลื่อมใสศรัทธาต่อองค์ท่าน และคิดดีทำดียึดต่อหลักคำสอนของพระพุทธศาสนา จะช่วยเสริมสิริมงคลบุญบารมี นำความเจริญรุ่งเรืองมาให้ต่อไปในอนาคต
ไมค์ ภิรมย์พร กล่าวอีกว่า ตนและครอบครัวเดินทางไปทำบุญข้าวสากที่วัดป่าบ้านหนองไฮ ต.บ้านดุง อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นบ้านเก่า เพื่ออุทิศบุญส่วนกุศลให้กับพ่อแม่ และญาติพี่น้องที่ล่วงลับ รวมถึงวิญญาณสัมภเวสีด้วย
หลังจากตั้งศาลตายาย หรือศาลปู่ตาที่ชาวบ้านทางอีสานเรียกกัน ไว้ใต้ต้นโพธิ์ รวมกับศาลพระภูมิเจ้าที่รวม 3 ศาล จนแล้วเสร็จ และได้เลขมงคลขี้ธูป 95 นำไปบอกญาติที่ อ.บ้านดุง ถูกหวยกันทั้งหมู่บ้าน ส่วนตนไม่ถูกเพราะเป็นคนไม่เล่นหวยหรือการพนัน
ไมค์ ภิรมย์พร กล่าวต่อว่า หลังจากทำบุญแล้วเสร็จกลับมานอนบ้านแห่งนี้ ฝันว่าญาติพี่น้องคนเฒ่าคนแก่ที่บ้านหนองไฮ ตามมาเต็มบริเวณบ้าน ก่อนพากันมานั่งบริเวณริมสระน้ำ พร้อมกับจุดธูปจุดเทียนร้องขอให้เจ้าปู่ขุนแก้ว ศรีสุทโธนาคราช ขึ้นมาจากสระปรากฏกายให้เห็นเป็นบุญตา
ก่อนที่จะพบแสงระยิบระยับหลากสี หรือสีรุ้ง ว่ายวนเวียนเต็มสระน้ำแห่งนี้ โดยไม่เห็นเป็นตัว แต่ก่อนจะตกใจสะดุ้งตื่น เห็นเศียรพญานาคโผล่ออกมาจากต้นโพธิ์ พ่นน้ำใส่ผู้คนที่เดินผ่านไปมา จึงตั้งใจจะสร้างรูปปั้นของท่านประดิษฐานไว้ ณ ริมสระน้ำแห่งนี้
ส่วน นายศุภเศรษฐ์ ศิริ เปิดเผยว่า ส่วนตัวนับถือศรัทธาองค์เจ้าปู่ศรีสุทโธนาคราช อยู่แล้ว ไปมาลาไหว้ตั้งแต่เล็กจนถึงปัจจุบัน จึงมีความชำนาญถนัดในการปั้นรูปองค์พญานาคมาตั้งแต่เริ่มเรียนรู้การปั้น
และทำร่างแบบขึ้นมาเป็นที่ถูกใจพี่ไมค์อย่างมาก เพราะเป็นรูปปั้นพญานาคที่อยู่กับธรรมชาติ น้ำตก และผาโขดหิน โดยใช้เวลา 3 เดือน 15 วัน หรือ 105 วัน
ทีแรกมีความตั้งใจใช้ชื่อเจ้าปู่ศรีสุทโธนาคราช และแม่ย่านาคีศรีปทุมมาเทวี แต่ตามพื้นที่เขาให้เรียกชื่อตามภูมิเจ้าที่ แต่ท่านมาประดิษฐานอยู่ภูมิแห่งนี้ จึงเรียกชื่อท่านว่าเจ้าปู่ขุนแก้ว
แต่องค์แม่ย่ายังใช้ชื่อเดิม ตามความเชื่อของคนอีสานที่สืบทอดกันมายาวนาน และขาดพญานาคไม่ได้ จะเห็นได้ตามวัดวาอาราม ที่ท่านคอยปกปักรักษาให้ชาวอีสานได้อยู่ร่มเย็นเป็นสุขกันมา ตั้งแต่อดีตกาลจนถึงปัจจุบัน
ส่วนการถ่ายภาพติดลำแสงอัศจรรย์ข้างรูปปั้นเจ้าปู่ฯ นั้น เกิดขึ้นหลังจากลงรายละเอียดของตัวพญานาคแล้วเสร็จ ตอนเวลาประมาณ 6 โมงเย็น ได้ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายภาพไป 7-8 ภาพ
แต่มีหนึ่งภาพไม่เหมือนกับภาพอื่น เป็นลำแสงสีขาว ลักษณะคล้ายลำปล้องช่วงคอและหน้าอกของเจ้าปู่ จำนวน 9 ปล้อง อยู่บริเวณข้างรูปปั้นของท่าน จึงเรียกให้พี่ไมค์มาดู เพราะเป็นภาพที่แปลกและอัศจรรย์ ส่วนเลขขี้ธูปมงคล
นายศุภเศรษฐ์ กล่าวต่อว่า หลังจากพ่อเขียว พราหมณ์ที่เดินมาทำพิธีเสร็จ พ่อแม่พี่น้องที่มาร่วมพิธีได้จุดธูปมงคลจนไหม้หมด จึงเห็นเลขปรากฏขึ้นเป็นเลข 73 ตนจึงถ่ายภาพเอาไว้
อย่างไรก็ตามเป็นความเชื่อส่วนบุคล และควรใช้วิจารณญาณในการรับชมรับฟัง แต่องค์เจ้าปู่ฯ ที่พี่ไมค์สร้างขึ้นไม่ได้ให้เป็นสาธารณะ เป็นการสร้างขึ้นไว้เพื่อสักการะบูชาส่วนตัว และเป็นสถานที่ประดิษฐานส่วนบุคคล ทั้งนี้เพื่อความร่มเย็นเป็นสุข และความเจริญรุ่งเรืองของครอบครัวพี่ไมค์สืบต่อไป
ที่มา: Thairath, ไมค์ ภิรมย์พร