เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. ทางด้าน นายปิยวัฒน์ พันธ์สายเชื้อ ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ จะนำเงินกู้จำนวน 5 แสนล้านบาทไปฟื้นฟูเศรษฐกิจ
ไม่น่าจะเกิดประโยชน์กับประชาชน เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ ให้ความสำคัญกับคณะกรรมการพิเศษ ที่จะมีการแต่งตั้งตามอำเภอใจมากกว่าการทำโครงการเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชน
เพราะทุกโครงการต้องผ่านคณะกรรมการชุดนี้ หวั่นว่าจะเกิดความไม่โปร่งใส เปิดทางให้มีมีการคอร์รัปชั่น เรียกรับผลประโยชน์ในการอนุมัติโครงการที่มีการนำเสนอเข้ามา ที่ผ่านมาโครงการที่รัฐบาลดำเนินการส่วนใหญ่เป็นโครงการที่พี่น้องประชาชนไม่ได้ร้องขอ
แต่บังคับให้รับซึ่งไม่ตรงกับความต้องการในพื้นที่ เกรงว่าจะไม่เกิดประโยชน์และเม็ดเงินส่วนใหญ่จะตกหล่นจากการคอร์รัปชั่น ในการใช้งบประมาณให้เกิดประโยชน์นั้น รัฐบาลควรที่จะลงพื้นที่ สอบถามความต้องการของประชาชนว่าต้องการอะไร เพื่อให้เงินที่เป็นภาษีของประชาชน สร้างประโยชน์ให้กับประชาชนอย่างสูงสุด
นายปิยวัฒน์ กล่าวอีกว่า การให้ความช่วยเหลือประชาชนของรัฐบาลล่าช้ามาก จากกรณีที่พายุโซนร้อนโพดุลที่พัดถล่มภาคอีสานของไทยตั้งแต่กลางปี 62 ที่ผ่านมา จนถึงวันนี้เกษตรกรที่ประสบปัญหาน้ำท่วม พื้นที่การเกษตรยังไม่ได้รับเงินชดเชยความเสียหายจากรัฐบาล
หลังมีมติให้ความช่วยเหลือครอบครัวละ 5,000 บาท เพื่อชดเชยรายได้จากความเสียหายที่เกิดขึ้น ล่าสุดเกษตรอำเภอในจ.ยโสธร แจ้งเกษตรกรว่ารัฐบาลที่อนุมัติเงินช่วยเหลือเกษตร ที่ได้รับความเสียหายจากพายุโพดุลปี 62 แล้ว ครอบครัวละ 5,000 บาท
แต่เกษตรกรไม่ได้รับเป็นเงินสด ให้นำเงินไปคืนที่เกษตรอำเภอ พร้อมให้ไปเซ็นรับ ไก่ 10 ตัวหรือเป็ด 10 ตัวและหัวอาหาร 3 กระสอบแทน รวมทั้งต้องเสียค่าธรรมเนียมให้กับบริษัทที่มาดำเนินการรายละ 200 บาท ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินได้
หากไม่รับก็ถือว่าเกษตรกรไม่ต้องการความช่วยเหลือจากรัฐ การกระทำดังกล่าวเลวร้ายมาก เป็นการมัดมือชก ไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้รับการช่วยเหลือตามที่รัฐบาลกล่าวอ้างได้ ในสถานการณ์เช่นนี้ไม่ควรมีใครไปหาประโยชน์จากประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน
ที่มา: Khaosod