จากกรณีที่ “เบนซ์ เรซซิ่ง” หรือ อัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช อดีตสามีของดาราสาว แพท-ณปภา ตันตระกูล ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.วิภาวดี รวบตัวขณะขับขี่รถจักรยานยนต์ด้วยความเร็วบนถนนวิภาวดีรังสิต ใกล้หน้าโรงแรมรามากาเด้น ในคดีฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และความผิดฐานขับรถโดยประมาทหวาดเสียว จากนั้นจึงส่งตำรวจ สน.ทุ่งสองห้องดำเนินคดี
ตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง ได้คุมตัว เบนซ์ เรซซิ่ง กับพวกทยอยไปทำประวัติพิมพ์ลายนิ้วมือ เพื่อทำเรื่องขอประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน ก่อนจะเปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า ขณะเกิดเหตุอยู่ระหว่างเดินทางกลับบ้าน หลังจากไปกินข้าวกับกลุ่มเพื่อน ที่ย่านดอนเมือง ซึ่งทั้งหมดใช้เส้นทางกลับบ้านเดียวกัน ใช้ความเร็วรถปกติ
โดย เบนซ์ เรซซิ่ง ยอมรับว่า ส่วนที่กระทำผิดคือได้ขับขี่รถจักรยานยนต์เข้าไปในช่องทางหลัก หรือ ช่องทางด่วนถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งเป็นความผิดฐานฝ่าฝืนป้ายสัญญาณจราจร ส่วนความผิดฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน นั้นให้การปฏิเสธ เพราะไม่ได้มีเจตนารวมตัวแข่งรถซิ่ง อีกทั้งระหว่างถูกจับกุม ก็ให้ความร่วมมือตำรวจเป็นอย่างดี ทั้งนี้ เบนซ์ เรซซิ่ง ไม่ได้แสดงอาการตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะยืนยันว่าบริสุทธิ์ใจ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : เบนซ์ เรซซิ่ง โดนจับอีกแล้ว
อย่างไรก็ตามจากกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า เบนซ์ เรซซิ่ง ยังอยู่ระหว่างถูกควบคุมโดยการใส่กำไลคุมประพฤติ ตามเงื่อนไขการยื่นขอประกันตัวต่อศาลอาญาหรือไม่ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถาม เบนซ์ เรซซิ่ง แล้ว เจ้าตัวเผยว่าปัจจุบันไม่ได้ใส่กำไลคุมประพฤติ โดยอ้างปัญหาเรื่องต้องชาร์ตไฟกำไลฯ บ่อย
ขณะที่มีการสอบถามเรื่องนี้ไปยัง นายสุริยันต์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม ซึ่งได้ชี้แจงว่าตามเงื่อนไขที่ขอประกันตัว เบนซ์ เรซซิ่ง ได้ยื่นความจำนงขอใส่กำไลคุมประพฤติ ประกอบหลักทรัพย์เพื่อยืนยันไม่มีพฤติการณ์หลบหนี ดังนั้นตามหลักเกณฑ์แล้ว จึงยังต้องใส่กำไลฯ ไว้ติดตัวตลอดเวลา และหากมีปัญหาเรื่องแบตเตอรี่มีกำลังไฟฟ้าอ่อน ก็ต้องนำมาเปลี่ยนที่ศาลเท่านั้น ผู้ที่ใส่ไม่สามารถถอดกำไลออกเองได้ หากฝ่าฝืนดำเนินการเอง ก็ต้องถูกดำเนินคดีเพิ่ม
แต่อย่างไรก็ตามสำหรับข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่ามีการฝ่าฝืนฟรือไม่ ก่อนจะพิจารณาดำเนินการต่อไป ส่วนการเพิ่มโทษจากความผิดที่เพิ่งถูกแจ้งข้อกล่าวหา ยืนยันว่าเป็นคนละเรื่องกัน ต้องพิจารณาแยกคนละความผิด
ชมคลิป
ที่มา: Nineentertain, AMARIN TVHD