เชื่อว่าหลายคนคงรู้จักเป็นอย่างดี สำหรับนักแสดงตลกหนุ่ม “อู๊ด เป็นต่อ” จากรายการซิตคอม เป็นต่อ ที่อยู่คู่คนไทยมายาวนานถึง 16 ปี จนกระทั่งอู๊ดมีชื่อเสียง และได้เปิดร้าน ชาบูอู๊ดเป็นต่อ ถึง 60 สาขา ภายในระยะเวลา 3 ปี
แต่ใครจะไปรู้ว่าเส้นทางสู่ความสำเร็จกลับไม่ได้โรยไปด้วยกลีบกุหลาบ กว่าจะเป็นอู๊ดวันนี้ผ่านมาหลายต่อหลายอาชีพ ทั้งยังมาเจอพิษโควิด ที่ทำให้ต้องปิดร้านไปทั้งหมด มูลค่าความเสียหายถึง 7 หลัก
งานนี้ อู๊ด เล่าหมดเปลือกถึงเรื่องราวชีวิตดังกล่าว ในงานแถลงข่าว เป็นต่อ Uncensored สำมะเล เพลย์บอย ที่ เพลย์บอย สตูดิโอ
ชีวิตกว่าจะเดินทางมาเป็นอู๊ดเป็นต่อ เรียกว่าตลอดทางเจอแต่ถนนขรุขระ?
“ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเลย มีถนนลาดยางแค่นิดเดียว ถือว่ามาเร็วแล้วก็มาไกล แต่ถ้าหากว่าย้อนกลับมาดู ไม่ได้อยู่ที่ว่าการมาไกลมาใกล้ มันอยู่ที่ว่าเราผ่านอะไรมาบ้าง สิ่งที่ผ่านมามันเป็นความรู้สึกดี หรือว่าความรู้สึกไม่ดี เราก็จะเอามาปรับเรื่อยๆ เป็นสเต็ปๆ ส่วนลึกๆแล้วมันอยู่ที่ตัวเราเอง ไม่ว่าจะเป็นนักแสดงใหม่ก็ชั่ง นักแสดงเก่าก็ชั่ง บางคนมาแป๊บๆ แต่บางคนเหมือนจะไปแล้วแต่ยังโผล่มาเรื่อยๆ การที่เราได้วางตัวอย่างเหมาะสมแล้วว่าเราจะวางแผนอนาคตยังไงกับขั้นบันไดต่อไป ถ้าเกิดเราคิดว่าเรามีชื่อเสียงแล้ว จะพูดจะคิดอะไรก็ได้มันไม่ใช่ครับ แล้วยิ่งมาจากโซเชียลที่เป็นดาบสองคม เพราะทุกวันนี้มีทั้งคนที่รัก และไม่รักเรา อย่างผมมีสองฝั่งทั้งผู้ใหญ่ที่เรานับถือ เพื่อน พ่อแม่ พี่น้อง ฉะนั้นเราอยู่ตรงนี้เราต้องอยู่ให้เป็นเลย เราไม่ต้องหาคนผิด เราลงมือด้วยตนเองเลยว่าเราจะช่วยตัวเองได้แค่ไหน ผมจะคิดว่าตัวเองผิดไว้ก่อนผิดที่ไม่ทำไว้ ”
ริเริ่มด้วยตัวเองจนจับงานใหญ่เป็นชาบูเป็นต่อ?
“เริ่มแรกเลยมันเกิดจากการที่เราคิดว่าอาชีพนักแสดงมันไม่มั่นคงกับเรา ไม่ใช่แค่อาชีพนักแสดงนะ เลยคิดว่าในยุคที่เป็นต่อหยุดไปช่วงนึง เราก็คิดว่าถ้าเราไม่มีอาชีพสำรองเราจะทำยังไง เลยมองหาอาชีพที่สามารถต่อยอดให้กับลูกกับหลานทุกคน เราเลยคิดว่าสักอาชีพนึง เพราะเราก็เป็นคนชอบอาหาร ชอบกินอยู่แล้ว ที่สำคัญตอนนั้นบ้านภรรยาก็ทำอาหารอยู่แล้ว คุณป้าก็เป็นครูสอนคหกรรม เราคิดว่าชาบูมันกินง่าย กินได้ทั้งครอบครัว แต่อะไรที่เป็นแรงจูงใจให้คนมากินของๆเรา อย่างแรกต้องรสชาติ ต้องมีการวัดชั่งตวง มีการทดสอบรีเสิร์ช จนมาเป็นชาบูเป็นต่อ ก็ริ่มจากการบอกกต่อเนี่ยแหละครับ ตอนนี้รวมก่อสร้างด้วยน่าจะ 60 สาขาแล้วครับ ภายใน 3 ปี เรียกว่ายิ่งก้าวกระโดดยิ่งต้องระวังในเรื่องของรายละเอียดทุกอย่างเลย”
ช่วงโควิดที่ผ่านมาพี่อู้ดได้รับผลกระทบยังไงบ้าง?
“1 ใน 77 ล้านคนคือผม โดนเต็มๆ ปิดทุกร้านวัตถุดิบที่เราสั่งมาและทำเก็บไว้ 1 เดือนมันยังพอโอเค แต่นี่มันถึง 3 เดือน ฉะนั้นมันหมดอายุแล้วเราต้องโล๊ะ แล้วมันไม่ใช่แค่เลข 3-4 หลัก มัน 7 หลักครับ ต้องยอมครับผมไม่อยากหาคนผิดแม้ตัวเองจะติดลบ ตอนนี้ก็ยังติดลบอยู่ แต่เราก็ไม่ต้องเปิดเผยให้ใครรู้ไหม อย่างเฟซบุ๊กโซเชียลผมก็จะไม่เล่าเรื่องตัวเองมากไป ผมไปในสายบันเทิง เอ็นเตอร์เทรนมากกว่า”
เครียดมากน้อยขนาดไหน?
“เครียดที่ไม่รู้ว่ามันจะปลดเมื่อไหร่ เครียดถึงขนาดคิดว่าธุรกิจเราเป็นอย่างนี้เราจะอยู่ยังไง เริ่มหาแผนสำรองละ ว่าถ้ามันเป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆก็นั่งขายที่บ้านเนี่ยแหละ ต้องหาทุกทางครับเพื่อให้มีรายได้ไม่ใช่ไปหาคนผิดให้ใครคนนึงมารับผิดชอบ เราถูกเลี้ยงมาให้ช่วยเหลือตัวเองมาตั้งแต่เด็ก”
น้องๆยังได้ทำงานกันอยู่ทุกคน?
“ได้ทำงานทุกคน แต่คนที่ต้องกลับไปเพราะเรื่องส่วนตัวบ้าง เรื่องค่าใช้จ่าย เรื่องค่าเดินทางก็ไม่ว่ากัน คนที่มาอยู่กับเราก็ต้องเรียนรู้ว่าจานแรกควรเรียงออกมาให้หน้าตาออกมาเป็นยังไง จนเดี๋ยวนี้ผมยกสาขาให้เขาบริหารเลย ผมอยากทำให้คนที่มาอยู่กับผม คนเรากว่าจะประสบความสำเร็จมันไม่ใช่ง่ายๆเลย เราต้องทำตามใจทุกคนที่เข้ามา”
ตอนนี้สถานการณ์เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว?
“ตอนนี้สถานการณ์น้ำท่วมมันเลยปากลงมาละ หายใจได้ แต่ก็ยังลำบากอยู่ ธุรกิจที่มันจะเป็นไปได้คือธุรกิจที่ได้กำไรสุทธิแล้วก็หมุนบริหารให้มันโตขึ้นเพื่อได้เครดิตสเกลใหญ่กว่าเดิม ผมคิดว่าการทำเพื่อลูกหลานเป็นการทำดีมากแล้ว ลูกหลานก็เหมือนกันถ้าเราไม่เหนื่อยไม่แลกด้วยชีวิตไม่ทุบหม้อข้าวแล้วลูกหลานคุณจะกินอะไร”
ที่มา: ข่าวสด, @pentor.aood