ร์ มีเรียกได้ว่าตอนนี้ฮอตมากเลยทีเดียว สำหรับ ลุงพล หรือ นายไชย์พล วิภา ลุงของน้องชมพู่ก็ตกเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัย แต่สุดท้ายกลายเป็นเรื่องพลิกผันเมื่อ ลุงพล กลายเป็นซุปเปอร์สตาแฟนคลับจำนวนมาก และมีงานโชว์ตัวแบบแพ็กคู่กับป้าแต๋น ผู้เป็นภรรยา เข้ามามากมาย จนกลายเป็นเศรษฐีในชั่วข้ามคืน
แต่แน่นอนว่าเมื่อมีคนรัก ย่อมมีคนเห็นต่าง ล่าสุดเริ่มมีกระแสโจมตี “ลุงพล” ออกมาเป็นระยะๆ และถึงกับแบนสินค้าที่ “ลุงพล” ไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ แต่ที่หนักไปกว่านั้นมีการไลฟ์สด ใส่ความเท็จ และต่อว่าต่อขาน”ลุงพล”จนเสียหาย
ความคืบหน้าล่าสุด “ลุงพล” เปิดเผยว่า กรณีมีคนไลฟ์สดเอาความเท็จมากล่าวหาตน นั้นตนจะทำการปรึกษาทนายความและผู้หลักผู้ใหญ่ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นจะดำเนินการอย่างไรให้เหมาะสมกับคนที่ไลฟ์สดกล่าวหาตนทั้งที่ไม่เป็นความจริง เพื่อให้เขาได้หยุดพูด หยุดทำในสิ่งที่ทำลายศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคนอื่น สำหรับตนไม่ทราบเรื่องข้อกฎหมายจึงต้องปรึกษาผู้ที่มีความรู้ก่อน เพื่อขอคำแนะนำ
การที่เขาอ้างว่าหากินกับน้องชมพู่ ซึ่งคำพูดนี้มันหนักมาก ที่ผ่านมาผมถูกกล่าวหา แต่ผมก็ต่อสู้ตามกระบวนการมาตลอด เรื่องรับบริจาคผมเองก็ไม่เคยเปิดรับ สามารถตรวจสอบได้ ส่วนที่บอกว่ามีบริษัทไฟแนนซ์ มาทวงหนี้ผมที่บ้าน ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง สิ่งเหล่านี้ที่ผมถูกกล่าวหาทำให้ความรู้สึกเราเสียหาย ผมไม่เคยไปก้าวก่ายสิทธิส่วนตัวของเขา หรือ ของใคร ผมทำงานเพื่อหางาน หารายได้มาจุนเจือครอบครัว แค่เปลี่ยนสถานที่ทำงานจากสวนย างเท่านั้น
ลุงพล กล่าวว่า ดังนั้นต้องขอคำแนะนำกับทนาย เพื่อขอให้ช่วยเหลือว่าควรดำเนินการอย่างไร สำหรับคนไลฟ์สด ตนเองก็อยากรู้ว่าทำไมเขาต้องออกมาพูดอย่างนี้ เขามีวุฒิภาวะความเป็นผู้นำสูง แต่เหมือนไร้ความคิด เอาคำพูดมาย่ำคนอื่น ตนไม่ได้ไปขอข้าวเขากิน ถ้าอยากรู้ความจริงก็ให้มาบ้าน ถ้าอยากรู้ความจริงว่าลุงพล ป้าแต๋น เป็นคนนิสัยอย่างไรก็ให้มาสอบถามกันที่บ้าน ที่บ้านตนมีน้ำแช่เย็นไว้ตลอด
ดังนั้นถ้าอยากรู้ความจริงก็ควรมาสอบถามกัน แต่ไม่ควรไลฟ์สดทำร้ายคนอื่น ถึงผมจะจบป. 6 แต่ไม่เคยดูถูก หยา มใคร ผมแค่ไปทำงานเพื่อหารายได้มาเลี้ยงครอบครัว คุณรู้หรือไม่ว่าการที่บอกว่าผมได้รับค่าจ้างเป็นแสนเป็นล้านนั้นมันไม่มี และแม้ว่าถ้าหากผมจะได้ค่าจ้างครั้งละ 5 พันผมก็ไม่เคยที่จะบอกใคร
อย่างไรก็ตามขอเป็นกำลังใจให้กับครอบครัวลุงพล กับครอบครัวน้องชมพุ่ด้วยนะคะ และขอให้ปิดคดีนี้ให้ได้โดยเร็ว
ที่มา: เดลินิวส์