เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 2 เม.ย. ที่ศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน ด้านสาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ นายธัชกร หัตถาธยากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ นายแพทย์วิทิต สฤษฏีชัยกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์
พร้อมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมแถลงสถานการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ในจังหวัดบุรีรัมย์ หลังจากตรวจพบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 1 ราย รวมผู้ติดเชื้อสะสมในจังหวัดบุรีรัมย์เป็น 13 ราย
นายธัชกร กล่าวว่า จังหวัดบุรีรัมย์ ถือเป็นจังหวัดต้นๆ ของประเทศ ที่มีความเข้มข้นในการคัดกรองตรวจหากลุ่มเสี่ยง และเป็นจังหวัดแรกที่ประกาศปิดจังหวัดเพื่อต้องการสกัดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ทำให้ตรวจพบผู้ติดเชื้อได้อย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา และคัดกลุ่มเสี่ยงไว้ได้อีกกว่า 23,000 คน ที่ต้องกักตัวอยู่ที่บ้าน 14 วัน
แต่ยังมียังตรวจพบว่ามีการแอบฝ่าฝืนมาตรการ แอบออกไปสังสรรค์ กลุ่มคนที่เจ้าหน้าที่จัดให้เป็นกลุ่ม เ สี่ ย ง ไม่ยอมกักตัวตามคำสั่ง และยังมีคนต่างจังหวัดแอบเข้ามาอาศัยอยู่ในจังหวัดบุรีรัมย์ แล้วไม่ยอมปฏิบัติตามมาตรการ
ดังนั้นคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดบุรีรัมย์ จึงมีมติให้เพิ่มมาตรการให้เข้มข้นขึ้น คือ
1. บุคคลที่เดินทางเข้ามายังจังหวัดบุรีรัมย์ทุกคน และเข้าไปอาศัยอยู่ครอบครัวใด จะต้องกักตัว 14 วันทั้งครอบครัว โดยไม่ละเว้น
2. ห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภทภายในจังหวัดบุรีรัมย์ไปจนถึงวันที่ 30 เม.ย. เพราะจากการสืบทราบกลุ่มนี้มักจะไม่ระวังตัวเองในช่วงที่มีอาการมึนเมา
3. งดงานบุญประเพณีทุกประเภท ยกเว้นงานศพ ซึ่งจะต้องได้รับอนุญาตจากนายอำเภอ และต้องดำเนินการมาตรการทางด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ผู้ฝ่าฝืนคำสั่งของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดบุรีรัมย์ จะต้องได้รับโทษตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 มีโทษสูงสุดจำคุก 1 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ด้าน นายแพทย์วิทิต สฤษฎีชัยกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวด้วยว่า ผู้ป่วยรายล่าสุดที่พบรายที่ 13 ล่าสุด ไปสัมผัสกับผู้ป่วยรายที่ 8 ซึ่งติดมาจากผู้ป่วยรายที่ 2 ของจังหวัด และเป็นผู้ป่วยรายแรกที่ไม่แสดงอาการ โชคดีที่ผู้ป่วยรายนี้เป็นคนในหมู่บ้านเดียวกัน ที่ อ.บ้านกรวด ที่ได้สั่งปิดหมู่บ้านไปก่อนหน้านี้
นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวต่อว่า จากไทม์ไลน์ของผู้ป่วยรายล่าสุดรายนี้ พบว่าเคยเดินทางมาทำธุระที่ที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งชุดสืบสวนโรคเร่งติดตามหากลุ่มเสี่ยงแล้ว โดยเฉพาะภาพจากกล้องวงจรปิดในสำนักงานที่ดินจังหวัดว่า เข้าไปใกล้ชิดกับใครบ้าง เพื่อติดตามตัวมาเฝ้าระวังต่อไป
ที่มา: Khaosod